แอพบนมือถือ MeasureOn
ดาวน์โหลดแอพ MeasureOn ได้ที่ Apple App Store และ Google Play Store
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "วิดีโอแนะนำ" (Video tutorial)
เวอร์ชั่นสำหรับแท็บเล็ตจะพร้อมให้บริการต้นปี 2021
แอพสามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระบบ Android และ iOS ไม่รองรับระบบปฏิบัติการอื่นๆ
อุปกรณ์ระบบ Android ที่รองรับ: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่มีระบบเชื่อมต่อ Bluetooth® และติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 6 ขึ้นไป
อุปกรณ์ระบบ iOS ที่รองรับ: iPhone และ iPad ตั้งแต่รุ่น iOS 11
การถ่ายโอนข้อมูลไม่สามารถทำได้ หากต้องการบันทึกข้อมูลจาก Measuring Master / PLR measure&go ขอแนะนำให้คุณจัดทำเอกสารข้อมูลเก่าเป็นไฟล์ PDF โดยใช้ฟังก์ชั่นส่งออกของแอพที่ใช้งาน
MeasureOn ต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึงการตั้งค่า Bluetooth บนระบบ iOS เนื่องจากจำเป็นต้องเชื่อมต่อแอพกับอุปกรณ์ นอกจากนี้ MeasureOn ยังต้องการสิทธิ์ในการเข้าใช้กล้องเพื่อการใช้งานฟังก์ชั่นมาร์กอัพภาพถ่ายด้วยเช่นกัน
MeasureOn ต้องการสิทธิ์ในการเข้าถึงการตั้งค่า Bluetooth บนระบบ Android เนื่องจากจำเป็นต้องเชื่อมต่อแอพกับอุปกรณ์ และคุณอาจต้องให้สิทธิ์ MeasureOn ใช้งานบริการระบุตำแหน่งที่ตั้งด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเวอร์ชั่น Android ที่ใช้งานอยู่ ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นของระบบ Android ในการเข้าใช้ฟีเจอร์ทั่วไปของ Bluetooth เมื่อมีการตรวจพบและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ โปรดทราบว่า บ๊อชจะไม่เข้าถึงข้อมูลที่ตั้งทางกายภาพของคุณในทุกกรณี
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "ภาษา" (Language) เพื่อตรวจสอบว่าแอพสามารถใช้งานในภาษาใดได้บ้าง
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "ตำแหน่งทศนิยม" (Decimal place) และ "หน่วยวัด" (Measurement unit) เพื่อเปลี่ยนแปลงหน่วยและทศนิยม
ไปที่ "การคั้งค่า" (Settings) → "ติดต่อเรา" (Contact us) แล้วเขียนอีเมลส่งไปที่ Support.MeasureOn@bosch.comเพื่อทำการสอบถามข้อมูล
MeasureOn สามารถใช้ในโหมดออฟไลน์ได้ง่ายมาก โดยระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโปรเจ็กต์ไว้ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ
สำหรับอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนจากบ๊อช จะมีการเปิดใช้แอพ "Bosch Thermal" ไว้อยู่แล้ว
เครื่องวัดระยะแบบเลเซอร์ของบ๊อชทุกรุ่น รวมถึง "รุ่นที่มีตัวอักษร C ในชื่อรุ่น" เช่น PLR 30 C, GLM 50 C Professional เป็นต้น
ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่าได้เปิดใช้งาน Bluetooth® ที่เครื่องมือวัดและที่สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่าอุปกรณ์ทั้งสองอยู่ภายในระยะรับส่งสัญญาณ จากนั้นแตะไอคอน Bluetooth® ระบบจะแสดงอุปกรณ์ของคุณให้เห็นในรายการ สำหรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ครั้งแรก ให้แตะ "เชื่อมต่อ" (connect) ในเมนู Bluetooth® โดยการเชื่อมต่อจะต้องทำผ่านทางแอพเสมอ ไม่ใช่ทำผ่านเมนูการตั้งค่าของสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ
หากเคยเชื่อมต่อเครื่องมือกับแอพมาก่อนแล้ว ระบบจะทำการเชื่อมต่อให้ใหม่โดยอัตโนมัติ
คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ครั้งละหนึ่งเครื่องเท่านั้น
สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตอาจสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมือวัดได้ที่ระยะห่างตั้งแต่ 10 ถึง 30 เมตรโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับสภาพบริเวณหน้างาน (สิ่งกีดขวาง แสงอาทิตย์ เป็นต้น) และสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ
โปรดตรวจสอบการตั้งค่าบน iPhone/iPad ว่าให้สิทธิ์ MeasureOn ใช้งาน Bluetooth® แล้วหรือยัง เนื่องจากเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นในการเชื่อมต่อ ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "MeasureOn" → เปิดใช้งาน Bluetooth (Enable Bluetooth)
ข้อสำคัญคือ การเชื่อมต่อจะเกิดขึ้นโดยตรงในแอพ MeasureOn ไม่ใช่ในการตั้งค่าของสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
หากยังคงประสบปัญหาในการเชื่อมต่อ โปรดติดต่อเราที่ Support.MeasureOn@bosch.com
ตรวจสอบว่าให้สิทธิ์ MeasureOn ใช้งานบริการระบุตำแหน่งที่ตั้งบนอุปกรณ์ Android และเปิดใช้งาน GPS แล้ว ซึ่งเป็นข้อกำหนดของ Google ในการเชื่อมต่อระบบ Bluetooth โดยบ๊อชจะไม่เข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของคุณตามข้อกำหนดเบื้องต้นของ Android นอกจากนี้ การเชื่อมต่อ Bluetooth จะเกิดขึ้นโดยตรงในแอพ ไม่ใช่ในการตั้งค่าทั่วไป
ในโปรเจ็กต์ คุณสามารถสร้างเวิร์กสเปซได้หลายชุดและใส่รายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลโปรเจ็กต์และภาพของโปรเจ็กต์ได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยให้คุณสามารถจัดการและแยกประเภทเวิร์กสเปซจำนวนมากได้อย่างสะดวก
คุณสามารถจัดระเบียบหลายเวิร์กสเปซได้ภายในหนึ่งโปรเจ็กต์ พร้อมทั้งเพิ่มรายละเอียดโปรเจ็กต์และภาพของโปรเจ็กต์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเวิร์กสเปซให้กับโปรเจ็กต์อื่นๆ หรือหน้าจอหลักได้ทุกเมื่อ
เวิร์กสเปซคือสถานที่สำหรับจัดระเบียบการวัด แบบแปลน มาร์กอัพภาพถ่าย และบันทึกย่อต่างๆ ของคุณ
ไปที่หน้าจอหลัก แล้วแตะปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของโปรเจ็กต์ที่คุณต้องการเปลี่ยนชื่อ จากนั้นเลือก "เปลี่ยนชื่อ" (Rename)
ตัวเลขดังกล่าวจะบอกถึงจำนวนเวิร์กสเปซในโปรเจ็กต์
คลิกปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของโปรเจ็กต์ แล้วเลือก "แชร์" (Share)
คุณสามารถเพิ่มโลโก้บริษัทได้ในตัวเลือกการแชร์ของโปรเจ็กต์หรือเวิร์กสเปซนั้นๆ โดยเมื่อแตะที่ "แชร์" (Share) ตัวเลือกสำหรับแสดง แก้ไข หรือนำเข้าโลโก้บริษัทจะปรากฏที่ด้านบนของตัวเลือกการแชร์ โปรดทราบว่าฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานในเวอร์ชั่นที่ต้องชำระเงินเท่านั้น
คลิกปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของโปรเจ็กต์ แล้วเลือก "ทำสำเนา" (Duplicate)
คลิกปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของโปรเจ็กต์ แล้วเลือก "ลบ" (Delete)
โปรเจ็กต์ตัวอย่างจะแสดงรูปแบบการใช้งานหลักๆ ของแอพและซิงโครไนซ์กับระบบคลาวด์หลังจากที่คุณเข้าสู่ระบบด้วย Bosch ID
คุณไม่สามารถเพิ่มเวิร์กสเปซได้อีกในโปรเจ็กต์ตัวอย่าง
คุณสามารถกู้คืนได้ในการตั้งค่าแอพ
การย้ายเวิร์กสเปซจากโปรเจ็กต์ตัวอย่างไปยังหน้าจอหลักหรือโปรเจ็กต์อื่นนั้นไม่สามารถทำได้
คุณสามารถจัดระเบียบหลายเวิร์กสเปซได้ภายในหนึ่งโปรเจ็กต์ พร้อมทั้งเพิ่มรายละเอียดโปรเจ็กต์และภาพของโปรเจ็กต์ได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถย้ายเวิร์กสเปซไปยังโปรเจ็กต์อื่นๆ หรือหน้าจอหลักได้ทุกเมื่อ
ลากแล้วปล่อยจุดยึดที่ขอบหรือแตะที่ขอบโดยตรง จากนั้นแบบแปลนจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
คุณสามารถแนบเวิร์กสเปซเข้ากับโปรเจ็กต์ได้ด้วยการลากเวิร์กสเปซที่ต้องการเพิ่มแล้วนำไปวางลงในเวิร์กสเปซหรือโปรเจ็กต์ที่มีอยู่เดิม หรือจะแตะปุ่มรูปจุดสามจุดของเวิร์กสเปซดังกล่าว แล้วเลือก "ย้าย" (Move) แทนก็ได้ จากนั้นให้แตะเวิร์กสเปซหรือโปรเจ็กต์ที่ต้องการแนบเวิร์กสเปซเพิ่มเติม แล้วเลือก "ย้ายเวิร์กสเปซมาที่นี่" (Move workspace here)
แตะปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซแล้วเลือก "แชร์" (Share)
ได้ โดยลากเวิร์กสเปซมาวางซ้อนกันเพื่อสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ที่มีเวิร์กสเปซ 2 ชุดรวมอยู่ด้วย
แตะปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซแล้วเลือก "ทำสำเนา" (Duplicate)
แตะปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซแล้วเลือก "เปลี่ยนชื่อ" (Rename)
แตะปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซแล้วเลือก "ลบ" (Delete)
ไปที่เวิร์กสเปซ → แตะปุ่ม "+" → "ภาพร่างของห้อง" (Room Sketch)
คุณสามารถวาดภาพผนังได้ในโหมดภาพร่าง แต่หากต้องการเพิ่มรายละเอียดลงในแบบแปลน ปรับมุมและผนัง ดูผนัง และเพิ่มค่าที่วัดได้ลงไปในภาพร่างจะต้องทำในโหมดการวัด
คุณสามารถสลับไปยังโหมดการวัดได้ขณะที่อยู่ในโหมดภาพร่าง แต่จะสามารถสลับจากโหมดการวัดมาเป็นโหมดภาพร่างได้ในกรณีที่การวาดภาพยังไม่เสร็จสิ้นและภาพร่างของห้องยังคงเปิดอยู่ เมื่อต้องการสลับโหมด ให้คลิกไอคอนที่ด้านบนของหน้าจอ
ให้แตะผนังที่ไม่ต้องการแล้วลบออก จากนั้นค่อยเชื่อมต่อผนังที่เหลืออยู่อีกครั้ง
คุณสามารถปรับมุม ปรับความตรงของผนัง หรือลบผนังออกได้ด้วยการแก้ไขภาพร่างในโหมดการวัด
แตะที่ผนัง → "เพิ่มประตู" (Add door) → "ดูผนัง" (View wall) → แตะปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มประตู
ผนังที่ยังไม่ได้กำหนดค่าการวัดจะถูกแสดงให้ทราบด้วยสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมสีม่วง
ข้อมูลการวัดของคุณจะแสดงขึ้นโดยอัตโนมัติที่ด้านล่างของหน้าจอ หากต้องการดูรายการข้อมูลการวัดทั้งหมด ให้ปัดหน้าจอไปทางซ้ายจนสุดแล้วเลือก "ดูทั้งหมด" (View All) ซึ่งตัวเลือกสำหรับแชร์การวัดจะอยู่ในมุมมองนี้
หากต้องการวัดก่อนแล้วค่อยกำหนดค่าในภายหลัง ให้ทำการวัดแล้วลากค่าที่วัดได้ไปใส่บนผนังในโหมดการวัด สำหรับกรณีที่ต้องการกำหนดค่าจากการวัดโดยตรง ให้เลือกผนังแล้วทำการวัด จากนั้นค่าที่วัดได้จะถูกกำหนดให้กับผนังที่เลือกโดยอัตโนมัติ
แตะที่ผนัง → เลือก "ความยาวของผนัง" (Wall Length)
แตะที่ภาพร่างแล้วเลือก "เปลี่ยนชื่อ" (Rename)
คุณสามารถร่างภาพห้องในเวิร์กสเปซได้มากเท่าที่ต้องการ
ใช่ หากมีความเป็นไปได้ในทางเรขาคณิต
มุมมองผนัง (Wall View) จะช่วยให้การแสดงภาพผนังที่มีในแบบแปลนง่ายดายขึ้น คุณจะเห็นสถิติของผนังทั้งหมดที่มีได้ในมุมมองผนัง และยังสามารถเพิ่มประตู หน้าต่าง ไปจนถึงเลือกตำแหน่งที่จะวางได้
ในภาพร่างของห้อง (Room Sketch) → เลือกผนัง → "ดูผนัง" (View Wall)
ในมุมมองผนัง → แตะปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มประตูหรือหน้าต่าง
ไปที่เวิร์กสเปซ → แตะปุ่ม "+" → "ภาพถ่าย" (Photo)
ไปที่เวิร์กสเปซ → แตะปุ่ม "+" → "ภาพถ่าย" (Photo) → "เลือกจากคลังภาพ" (Choose from library)
วาดออบเจ็กต์ (เช่น ลูกศร, สี่เหลี่ยม) ลงบนภาพถ่าย แล้วทำการวัดระยะห่าง ค่าที่ได้จะถูกเพิ่มลงในออบเจ็กต์โดยอัตโนมัติ หากต้องการกำหนดค่าที่ถูกวัดมาแล้วให้กับภาพถ่าย คุณสามารถลากค่าที่วัดได้ซึ่งแสดงอยู่ด้านล่างของหน้าจอไปยังออบเจ็กต์ได้โดยตรง สำหรับการเพิ่มค่าการวัดด้วยตนเองนั้น ให้แตะที่ออบเจ็กต์แล้วเพิ่มค่าเข้าไปด้วยตนเอง
แตะที่ภาพถ่ายแล้วเลือก "เปลี่ยนชื่อ" (Rename)
รูปแบบไฟล์จะขึ้นอยู่กับระบบที่ใช้งานอยู่ แต่คุณสามารถนำเข้าไฟล์ .jpeg และ .png ได้เป็นหลัก โดยขนาดของไฟล์จะต้องไม่เกิน 50 MB
หลังจากที่เข้าไปในเวิร์กสเปซแล้ว ให้แตะภาพถ่ายค้างไว้แล้วลากไปยังภาพร่าง
ไปที่เวิร์กสเปซ → แตะปุ่ม "+" → "บันทึกย่อ" (Note)
ไปที่เวิร์กสเปซ → แตะที่บันทึกย่อแล้วเลือก "แชร์" (Share)
หลังจากที่เข้าไปในเวิร์กสเปซแล้ว ให้แตะบันทึกย่อค้างไว้แล้วลากไปยังภาพร่าง
ขณะแก้ไข → แตะที่ผนัง → "ความยาวของผนัง" (Wall length)
แตะไอคอน Bluetooth ที่มุมซ้ายล่าง แล้วเลือก "การวัดระยะไกล" (Remote Measure) ค่าการวัดจากระยะไกลของคุณจะถูกเพิ่มลงในรายการข้อมูลการวัดโดยอัตโนมัติ
คุณสามารถเลือกรูปแบบไฟล์ในการส่งออกงานเป็น .jpeg, .dpf หรือ .xls ได้ตามที่ต้องการ
คลิกปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซ แล้วเลือก "แชร์" (Share) หากต้องการแชร์กับสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตเครื่องอื่น คุณสามารถอัพเกรดเป็น MeasureOn Pro และใช้คุณสมบัติซิงโครไนซ์ได้
คลิกปุ่มรูปจุดสามจุดที่มุมขวาบนของเวิร์กสเปซ แล้วเลือก "แชร์" (Share)
แบบแปลนจะถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ทำได้โดยจะมีขนาดพอดีกับกระดาษ เพื่อให้สามารถแสดงแบบแปลนได้ด้วยขนาดใหญ่ที่สุด
ระบบจะบันทึกโปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซให้โดยอัตโนมัติ
โปรเจ็กต์ของคุณจะได้รับการซิงโครไนซ์กับระบบคลาวด์โดยอัตโนมัติในกรณีที่ใช้งาน MeasureOn Pro โดยคุณจะต้องใช้ Bosch ID เพื่อเข้าสู่ระบบในแอพ MeasureOn หรือที่เว็บไซต์ MeasureOn บนอุปกรณ์เครื่องอื่นก่อนที่จะแชร์โปรเจ็กต์ นอกจากนี้ยังจะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเพื่อให้กระบวนการซิงโครไนซ์สามารถดำเนินการได้ จากนั้นโปรเจ็กต์ของคุณจะพร้อมใช้งานบนอุปกรณ์อื่นโดยอัตโนมัติหลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว
ประเทศที่รองรับแผนการสมัครใช้บริการบนคลาวด์ทั้งแบบเสียและไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่*
ประเทศที่รองรับเฉพาะแผนการสมัครใช้บริการบนคลาวด์แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่
ในเว็บเบราว์เซอร์ ให้ไปที่ → "การตั้งค่า" (Settings) → "ภาษา" (Language)
ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าที่คุณเลือกไว้ โดยสามารถเลือกซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซผ่านทาง Wi-Fi เท่านั้น หรือจะดำเนินการผ่านทาง Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตบนมือถือก็ได้
หากยังไม่มีการสร้าง Bosch ID ไว้ ให้ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "ลงทะเบียน" (Sign up) แล้วปฏิบัติตามขั้นตอน หากเคยมีการสร้าง Bosch ID ไว้แล้ว จะมีขั้นตอนคล้ายกัน โดยในขั้นตอนการลงทะเบียน ระบบจะสอบถามว่าคุณมี Bosch ID อยู่แล้วหรือไม่
Bosch ID เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นทั้งหมดของบ๊อช กล่าวคือ คุณจะต้องมีชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเฉพาะสำหรับการเข้าสู่ระบบของแอพพลิเคชั่นที่รองรับทั้งหมด โดยคุณสามารถสร้าง Bosch ID และเริ่มต้นใช้งาน MeasureOn ได้ทันที
คุณสามารถนำ Bosch ID ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้มาเข้าสู่ระบบ MeasureOn ได้
ที่อยู่อีเมลหนึ่งรายการสามารถนำไปใช้ลงทะเบียน Bosch ID ได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น หากจำรหัสผ่าน Bosch ID ไม่ได้ คุณสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านได้ในหน้าเข้าสู่ระบบ
ในหน้าเข้าสู่ระบบ จะมีลิงก์ "ลืมรหัสผ่าน" (Forgot password) แสดงอยู่ คุณสามารถรีเซ็ตรหัสผ่านได้ด้วยการป้อนที่อยู่อีเมลของตนเอง
MeasureOn เป็นแอพพลิเคชั่นแบบไม่เสียเงินที่ไม่จำเป็นต้องทำการยกเลิกอย่างเป็นทางการในกรณีที่ไม่ได้เลือกการสมัครใช้บริการแบบ PRO ไว้ หากต้องการยกเลิกการเข้าใช้งาน MeasureOn รวมถึงข้อมูลทั้งหมดที่เคยให้ไว้ โปรดไปที่ https://request.privacy-bosch.com/แล้วปฏิบัติตามขั้นตอนที่อธิบายไว้บนหน้าเว็บดังกล่าว
ระบบจะซิงค์โปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซของคุณโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าที่คุณเลือกไว้ โดยสามารถเลือกซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซผ่านทาง Wi-Fi เท่านั้น หรือจะดำเนินการผ่านทาง Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตบนมือถือก็ได้ นอกจากนี้ ความเร็วและคุณภาพของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็อาจมีผลต่อเวลาที่ใช้ในการซิงโครไนซ์ด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่ แต่มักจะเกิดการหน่วงประมาณ 2-3 วินาที ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อุปกรณ์ที่ใช้และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ใช่ทั้งสองอย่าง โดยสามารถเลือกดำเนินการได้ตามต้องการในการตั้งค่า
เมื่อทำการซิงโครไนซ์ข้อมูลบนอุปกรณ์ใหม่ ทุกสิ่งที่อยู่บนระบบคลาวด์จะถูกเรียกคืนมาไว้ในอุปกรณ์ใหม่ดังกล่าว
โปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซของคุณจะยังสามารถใช้งานได้อยู่ และระบบจะซิงค์ข้อมูลของอีกบัญชีมาไว้ในอุปกรณ์ของคุณ ในกรณีที่ใช้ MeasureOn เวอร์ชั่น PRO จะมีการซิงค์ข้อมูลทุกอย่างไว้ให้อย่างพร้อมสรรพ
โปรเจ็กต์แบบออนไลน์ของคุณจะถูกเพิ่มเข้ามาและจะไม่มีการลบโปรเจ็กต์แบบออฟไลน์ออก หากคุณสมัครใช้บริการแบบ PRO ไว้ ระบบจะซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์ทั้งหมดให้ รวมทั้งจะมีการซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์และเวิร์กสเปซแบบออฟไลน์ให้ด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของการสมัครใช้บริการ
MeasureOn สามารถใช้ในโหมดออฟไลน์ได้ง่ายมาก โดยระบบจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโปรเจ็กต์ไว้ในสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ เมื่อกลับเข้าสู่ระบบและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อีกครั้ง ระบบจะซิงโครไนซ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ กับ MeasureOn Cloud ให้โดยอัตโนมัติ
ไม่ แต่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าสำหรับอุปกรณ์แต่ละเครื่องแยกกันได้
คุณสามารถซิงโครไนซ์ได้เฉพาะโปรเจ็กต์ตัวอย่างเท่านั้นสำหรับแผนบริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย
ในการซิงโครไนซ์กับระบบคลาวด์ พื้นที่จัดเก็บสูงสุดจะอยู่ที่ 200 MB หากต้องการเพิ่มความจุ คุณสามารถอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น PRO ซึ่งจะมีพื้นที่จัดเก็บให้ 5GB
ระบบจะแจ้งให้ทราบว่าจะไม่มีการซิงโครไนซ์ออบเจ็กต์เพิ่มเติมสำหรับโปรเจ็กต์ตัวอย่าง
ระบบจะซิงโครไนซ์เฉพาะโปรเจ็กต์ตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยหนึ่งโปรเจ็กต์ที่มีเวิร์กสเปซสามชุด โดยสองชุดจะเป็นเวิร์กสเปซเปล่าที่สามารถแก้ไขได้ ทั้งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อโปรเจ็กต์ตัวอย่างได้
โปรเจ็กต์ดังกล่าวจะถูกลบออกจากทั้งระบบออฟไลน์และระบบคลาวด์
แอพจะแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์/เวิร์กสเปซเพิ่มเติมได้อีก
คุณสามารถเพิ่มรูปภาพในโปรเจ็กต์ได้สูงสุด 1000 รูปสำหรับการซิงโครไนซ์ จากนั้นระบบจะแจ้งให้ทราบว่าพื้นที่จัดเก็บเต็มแล้ว
หากคุณลบโปรเจ็กต์ที่เก่าที่สุดออก ระบบจะซิงโครไนซ์โปรเจ็กต์ที่เก่าที่สุดเป็นลำดับถัดไป กล่าวคือ ระบบจะยังคงซิงโครไนซ์ข้อมูลที่เก่าที่สุดอยู่เสมอหากคุณมีพื้นที่เพียงพอ
ระบบจะซิงโครไนซ์การเปลี่ยนแปลงล่าสุด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้าย
ข้อมูลดังกล่าวจะยังคงสามารถใช้ได้บนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตของคุณ
คุณสามารถเลือกได้ระหว่างการสมัครใช้บริการแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย (แผนบริการ MeasureOn Free) กับแผนบริการแบบเสียค่าใช้จ่าย (MeasureOn Pro) ซึ่งจะมีฟีเจอร์ให้ใช้งานได้มากกว่า
ใช่ แต่คุณสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นเวอร์ชั่น Pro เพื่อใช้ฟีเจอร์ต่างๆใน MeasureOn Cloud ได้เพิ่มเติม โดยเวอร์ชั่น Pro จะให้พื้นที่จัดเก็บบนระบบคลาวด์มากกว่า (5GB) ทั้งยังมีตัวเลือกขั้นสูงในการตั้งค่าการส่งออกและสามารถเลือกใช้โลโก้บริษัทของคุณเองได้ด้วย
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "การสมัครใช้บริการระบบคลาวด์" (Cloud Subscription) แล้วปฏิบัติตามขั้นตอน
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "การสมัครใช้บริการระบบคลาวด์" (Cloud Subscription) → "จัดการการสมัครใช้บริการ" (Manage Subscription)
สำหรับกรณีนี้ ขอแนะนำให้ติดต่อเราที่ Support.MeasureOn@bosch.comเพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากเรา
MeasureOn Cloud สามารถใช้ได้บนอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวนเครื่อง
ไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) → "การสมัครใช้บริการระบบคลาวด์" (Cloud Subscription) เพื่อดูรายละเอียดการสมัครใช้บริการของคุณ
โปรเจ็กต์ตัวอย่างจะยังสามารถซิงโครไนซ์และแก้ไขได้ ส่วนโปรเจ็กต์ที่มีการซิงโครไนซ์ไว้ก่อนหน้านี้จะยังคงถูกเก็บบันทึกไว้บนระบบคลาวด์ แต่จะไม่สามารถเปิดและเข้าใช้งานได้
หากมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่ใช้บัญชีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย ระบบจะเขียนข้อมูลใหม่ทับข้อมูลเก่า หากไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ ระบบจะเรียกคืนข้อมูลเก่าของคุณมาให้
การอัพเกรดสามารถทำได้ตลอดเวลาเพื่อให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมได้ทันที ส่วนการดาวน์เกรดจะสามารถทำได้เมื่อสิ้นสุดรอบการเรียกชำระเงิน
*มีแผนจะเปิดให้ใช้ในประเทศที่กำหนดเร็วๆ นี้
สายด่วน :
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของเรา เพียงโทรหาเรา